ประวัติ พระครูสุญาณโสภิต, ดร.
พระครูสุญาณโสภิต, ดร. มีนามเดิมว่า วิรัช เนตรขันธ์ เกิดเมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๕ บิดา นายวิชัย เนตรขันธ์ มารดา นางสนิท เนตรขันธ์ บ้านเดิมตั้งอยู่เลขที่ ๑๑๙ คุ้มชัยพร ตำบลในเมือง อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย
วัด วัดพระธาตุราษฎร์บำรุง ท้องที่ หนองคาย สังกัด มหานิกาย วุฒิการศึกษา น.ธ.เอก, พ.ม., พธ.บ., กศ.ม. (พุทธศาตร์บัญฑิต,การศึกษามหาบัณฑิต กศ.ม. ,ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต ปร.ด.) วัดพระธาตุราษฎร์บำรุง ตำบลหนองกอมเกาะ อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย
๑) บรรพชาและอุปสมบท
พระครูสุญาณโสภิต, ดร. ได้บรรพชาและอุปสมบท ดังนี้
- บรรพชา บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๑ ณ วัดราษฎร์สามัคคี ตำบลมีชัย อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคายโดยมี พระธรรมปริยัติมุนี วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ขณะดำรงสมณศักดิ์ ที่ พระราชปรีชาญาณมุนี ฉายา เขมจารี และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดหนองคาย เป็นพระอุปัชชาย์
- อุปสมบท วันที่ ๒๕ เดือน ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ ณ วัดคำแค ตำบลโพธิ์ชัย อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย โดยมี พระครูประสิทธิ์ธรรมคุณ วัดศรีคุณเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย เป็นพระอุปัชฌาย์ พระหนูตัน ยโสธโร วัดศรีคุณเมือง เป็น พระกรรมวาจารย์ พระทองแดง สุกโร (ปัจจุบันดำรงสมณศักดิ์ที่ พระครูสุวรรณโสตถิธรรม) วัดศรีคุณเมือง เป็นพระอนุสาวนาจารย์
อุโบสถ วัดคำแค ขอบคุณภาพโดย คุณ Phirasin Chintoo
๒) การศึกษาและวิทยฐานะ
- พ.ศ. ๒๕๑๖ สำเร็จการศึกษาชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนเทศบาลชำนาญ อนุเคราะห์ ตำบลโพธิ์ชัย อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
- พ.ศ. ๒๕๒๓ สอบได้ นักธรรมชั้นเอก สำนักศาสนศึกษาวัดราษฎร์สามัคคี จังหวัดหนองคาย
- พ.ศ. ๒๕๒๕ สำเร็จ การศึกษา ระดับที่ ๔ จาก โรงเรียนผู้ใหญ่ศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนา วัดราษฎร์สามัคคี จังหวัดหนองคาย
- พ.ศ. ๒๕๓๑ จบระดับ พก.ศ. กรมการฝึกหัดครู
- พ.ศ. ๒๕๓๓ จบระดับ พม. กรมการฝึกหัดครู
- พ.ศ. ๒๕๓๓ สอบได้ ประกาศนียบัตรประโยคครูพิเศษมัธยม (พ.ม.) กระทรวงศึกษาธิการ
- พ.ศ. ๒๕๔๒ สำเร็จ ปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิต (พธ.บ.) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตหนองคาย
- พ.ศ. ๒๕๔๔ สำเร็จ ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต (กศ.ม.) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
- พ.ศ. ๒๕๕๒ สำเร็จ ปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขา การบริหารการศึกษา (ปร.ด.) จาก มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
๔) เกียรติคุณ
- พ.ศ. ๒๕๔๕ ได้รับพระราชทานรางวัลเสาเสมาธรรมจักร
- พ.ศ. ๒๕๕๖ ได้รับพัดสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดดีเด่น
๕) ตำแหน่งฝ่ายปกครอง
- วันที่ ๑๗ เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๓๒ เป็นเจ้าอาวาสวัดราษฎร์สามัคคี(พระธาตุราษฎร์บำรุง) ตำบลหนองกอมเกาะ อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย
- วันที่ ๒๗ เดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นเจ้าคณะตำบลหนองกอมเกาะ อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย
- วันที่ ๒ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็นพระอุปัชฌาย์สามัญ
๖) ฝ่ายการศึกษา
- - พ.ศ. ๒๕๒๖ เป็น ครูสอนพระปริยัติธรรม แผนกธรรม
- สำนักศาสนศึกษาวัดพระธาตุราษฎร์บำรุง ตำบลหนองกอมเกาะ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
- - พ.ศ. ๒๕๓๐ เป็น ประธานหน่วยสอบธรรมสนามหลวง
- วัดพระธาตุราษฎร์บำรุง ตำบลหนองกอมเกาะ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
- - พ.ศ. ๒๕๓๒ เป็น เจ้าสำนักศาสนศึกษา
- วัดพระธาตุราษฎร์บำรุง ตำบลหนองกอมเกาะ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
- - พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็น ผู้จัดการโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา
- บาลีสาธิตศึกษาวัดราษฎร์สามัคคี ที่วัดพระธาตุราษฎร์บำรุง ตำบลหนองกอมเกาะ อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
- - พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็น กรรมการสภา
- มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตหนองคาย ตำบลค่ายบกหวาน อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
- - พ.ศ. ๒๕๕๔ เป็น ประธานกรรมการบริหารโรงเรียน
- จังหวัดหนองคาย กลุ่มที่ ๘
- - พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็น รองประธานกลุ่ม
- โรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา กลุ่มที่ ๘
- - พ.ศ. ๒๕๕๖ เป็น ผู้จัดการโรงเรียนหลวงพ่อดำวิทยา
- (โรงเรียนการกุศล สังกัดกลุ่มส่งเสริมการศึกษาเอกชน)
- - พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็น รองประธานกลุ่มโรงเรียนพระปริยัติธรรม
- แผนกสามัญศึกษา กลุ่มที่ ๘
- - พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็น ผู้ประเมินคุณภาพภายในสังกัด
- กลุ่มโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา กลุ่มที่ ๘
๗) งานเผยแผ่พระศาสนา
- พ.ศ. ๒๕๒๖ เป็น พระอาจารย์สอนกรรมฐาน ให้แก่พระสงฆ์ สามเณร ข้าราชการ นักเรียน นักศึกษา ประชาชนทั่วไป
- พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็น ประธานหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลหนองกอมเกาะ อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย
- พ.ศ. ๒๕๕๐ เป็น ผู้เผยแพร่ธรรมะทางสถานีวิทยุ Fm. ๑๐๖.๒๕ MHz ในเวลา ๐๕.๐๐-๐๖.๓๐ น. , ๑๒.๐๐-๑๓.๓๐ น. , ๑๖.๐๐-๑๗.๓๐ น.
- พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็น เจ้าสำนักปฏิบัติธรรม ประจำจังหวัดหนองคาย แห่งที่ ๘
- พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็น ผู้รับผิดชอบฝ่ายการเผยแผ่ของคณะสงฆ์ อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย
๘) สมณศักดิ์
- พ.ศ. ๒๕๔๑ เป็น พระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นโท ที่ พระครูสุญาณโสภิต
- พ.ศ. ๒๕๔๗ เป็น พระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบล ชั้นโท ในราชทินนามเดิม
- พ.ศ. ๒๕๕๒ เป็น พระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะตำบล ชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
- ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็น พระครูสัญญาบัตร เทียบเจ้าคณะอำเภอ ชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
๙) ประสบการณ์ในด้านการปฏิบัติธรรม
พระครูสุญาณโสภิต ตั้งแต่บวชมาเมื่อปี พ.ศ.2521 มีอาการ ๒ อย่างที่สำคัญคือ ปวดศีรษะและชอบปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐาน เมื่อช่วงเดือนเมษายน พ.ศ.2522 ได้ปฏิบัติธรรมกับ อาจารย์สุนทร ชัยรส ปี พ.ศ.2523 ช่วงเดือนเมษายนได้ปฏิบัติกรรมฐานกับ พระอาจารย์พวน ภูริปัญโญ พ.ศ.2525 ได้ไปปฏิบัติกรรมฐานที่สำนักวิเวกอาศรม จังหวัดชลบุรี เป็นเวลา 7 เดือน มีพระมหาเมืองคำ คณะ 4 วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษ์ มาสอนกรรมฐาน และได้มีโอกาสปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์ใหญ่ “ภัททันตะ อาสภมหาเถระ” พระอาจารย์ใหญ่จากพม่า
เมื่อครั้งบรรพชาเป็นสามเณร สามเณรวิรัชได้มีอากาปวดศีรษะเรื้อรัง บางครั้งไม่สามารถลุกจากที่นอนได้ ต้องนอนซม เมื่ออาการทุเลาลงบิดาและมารดาได้พาไปรักษาที่โรงพยาบาลหนองคายก็ไม่หาย จึงพาไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลจิตเวช จังหวัดขอนแก่น ก็ยังไม่หาย จึงพาไปที่วัดศิลาเขตอุดมเพื่อให้พระบีบนวมตามร่างกาย ไปให้หมอญวนฝังเข็มรักษาก็ยังไม่หายอยู่ดี จนกระทั่งเดือนเมษายน พ.ศ.2522 ได้ขออนุญาติพระอาจารย์เจ้าอาวาส (พระอาจารย์พวน ภูริปัญโญ เจ้าอาวาสในขณะนั้น) เข้าปฏิบัติกรรมฐาน แม้พระอาจารย์จะทักท้วงว่า จะสามารถทำได้หรือ ก็ยังไม่ลดละความตั้งใจ จนในที่สุดก็ได้รับอนุญาต จึงได้เริ่มปฏิบัติกรรมฐานครั้งแรกเป็นเวลา 25 วัน มีพระอาจารย์สุนทร เป็นอาจารย์สอนกรรมฐาน ท่านได้แนะนำให้นั่งสมาธิ 15 นาที เดินจงกรม 15 นาที สลับกันไปมา ทำได้ 4-5 วัน จึงได้เพิ่มขึ้นเป็น 20 นาทีแต่ด้วยความศรัทธา ความวิริยะอุตสาหะ จึงได้ปฏิบัติเพิ่มขึ้นเป็น 2 ชั่วโมง อาการปวดศีรษะก็ยังมีอยู่เล็กน้อย ประมาณวันที่ 10 ขณะกำลังเดินจงกรมอยู่ได้ปวดศีรษะอย่างรุนแรงในขณะที่เกิดสภาวะธรรมความร้อนรนและอาการปวดศีรษะประหนึ่ง จะเป็นการสั่งลาอาการปวดครั้งสุดท้าย ขณะนั้นมีความรู้สึกเย็นๆที่ท้ายทอยขึ้นไปบนศีรษะจนทั่วร่างกาย วันนั้นทั้งวันเกิดปีติสุขทางใจเป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้นก็ไม่มีอาการปวดศีรษะอีกเลยจนถึงปัจจุบัน (พ.ศ.2565)
พ.ศ. 2523
ได้เข้าปฏิบัติกรรมฐานเป็นครั้งที่ 2 มีพระอาจารย์พวน ภูริปัญโญ เจ้าอาวาสในขณะนั้นเป็นผู้สอนกรรมฐาน กำหนดพองหนอ-ยุบหนอ ในช่วงปฏิบัติบางครั้งอารมณ์ก็นิ่ง มีจิตว่างเปล่า เกิดปีติสุข บางวันสามารถกำหนดสติให้เป็นไปในร่างกายจนรู้ทันว่ากำลังนอนหลับ เป็นเวลา ๑ เดือน
พ.ศ. 2524
ได้เดินทางไปกับคุณยายจำปา สิทธิโชค ไปร่วนปฏิบัติธรรมที่สำนักอโศกกรุงเทพฯ 5 วัน ในวันที่ 3 กระหายน้ำมาก จึงได้ดื่มน้ำจากขวดของพระรูปหนึ่งโดยไม่ได้ขออนุญาต เนื่องจากท่านไม่อยู่จึงถือวิสาสะ เมื่อท่านกลับมาจึงบอกท่าน ๆ จึงบอกว่าในขวดนั้นเป็นน้ำมูตรเน่า เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรดีจึงได้คิดว่า เป็นโอกาสที่ที่ได้ฉันน้ำมูตรเน่า ซึ่งอยู่ในกรณียกิจ 4 ของพระภิกษุตามพุทธบัญญัติ
พ.ศ. 2525
พระอาจารย์เจ้าอาวาสได้นำไปฝากตัวปฏิบัติธรรมที่วัดเพ็งวิปัสสนา 4 วัน หลังจากนั้นหลวงดิษฐการภักดีและท่านผู้หญิง ได้พาไปฝากตัวปฏิบัติธรรมที่สำนักวิเวกอาศรม จังหวัดชลบุรี เป็นเวลา 7 เดือน ช่วงนี้ พระมหาเมืองคำ คณะ 4 วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษ์ เป็นพระอาจารย์สอน เมื่อเข้าพรรษา ท่านพระอาจารย์ภัททันตะ อาสภะมหาเถระ พระอาจารย์ใหญ่ชาวพม่าเป็นผู้สอน แรกๆฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่อง พอนานไปก็เริ่มชินและสามารถเข้าใจได้ดี ท่านเป็นผู้มีความรู้แตกฉาน ชำนาญในการสอนวิปัสสนาเป็นอย่างมาก สมบูรณ์พร้อมทั้งด้านปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ
วันหนึ่งเวลาประมาณ 20.00 น. หลังจากสรงน้ำเสร็จจิตใจผ่องใส ได้เจริญกรรมฐานอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่กำลังอยู่ในอิริยาบถเดินจงกรมขาอีกข้างหนึ่งหมุนจึงกำหนดว่าหมุนหนอๆ สักพักอาการหมุนหายไป อีกประมาณ 7 วันต่อมา ขณะที่กำลังนั่งกำหนดภาวนาอยู่ ได้เกิดนิมิตเห็นแสงสีขาวเป็นเม็ดลอยมาหลายเม็ด ยิ่งเกิดมากก็ยังมีจิตผ่องใสมาก รู้สึกมีความสุขอย่างล้นพ้น ยิ่งดึกประมาณ 01.00 น. ก็ยังไม่ง่วงนอน แต่ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์คิดว่าเราได้สภาวธรรมแล้ว ขณะนี้ก็ดึกมากแล้วควรนอนพักผ่อนได้ จึงได้เอนตัวลงนอนโดยไม่ได้กำหนดอะไร เมื่อไม่กำหนดต่อกิเลสคือความง่วงนอนก็เข้ามาแทนที่ ตอนเช้าหลังจากฉันภัตตาหารเสร็จ ก็ส่งอารม์กับพระอาจารย์ใหญ่ เมื่อได้คำแนะนำจากท่านแล้ว รู้สึกว่าตัวเองยังโง่อยู่ รู้สึกเสียดาย ไม่น่าหยุดกำหนดเลย เพราะถ้าญาณเกิดขึ้นจริงจะไม่รู้สึกง่วงนอนเลย ตลอดเวลาจิตจะผ่องใส
ต่อมาได้ย้ายกุฏิกรรมฐาน ขณะนั่งสมาธิอยู่ได้กำหนดยุบหนอ นั่งหนอ อาการนั่งหนอ ถูกหนอ ก็หายไป กำหนดพองหนอ ยุบหนอ ทั้งพองหนอ-ยุบหนอก็หายไป จนไม่มีอะไร มีแต่จิตรู้สึกว่าร่างกายไม่รู้ว่าหายไปอยู่ไหน
สามเณรวิรัช เนตรขันธ์ ได้อยู่ปฏิบัติธรรมกับพระอาจารย์ใหญ่ภัททันตะ อาสภะมหาเถระ เป็นเวลาถึง 7 เดือน จึงได้เดินทางกลับวัดพระธาตุราษฎร์บำรุง หลังจากนั้นได้ญัตติจตุถกรรมเป็นพระภิกษุ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2525 ณ อุโบสถวัดคำแค ได้รับฉายาว่า “วีรณาโณ แปลว่า ผู้มีญาณอันแกล้วกล้า”
พ.ศ. 2529
ได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมที่วัดท่าซุง ศึกษษธรรมกับลูกศิษญ์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ จังหวัดอุทัยธานี ใชภาวนาว่า นะมะพะทะ รวมเวลา 1 ปี
พ.ศ. 2558
ได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมและฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับ”เจ้าประคุณสมเด็จพระญาณวชิโรดม(หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินธโร)” วัดธรรมมงคล กรุงเทพฯ ที่วัดศรีรัตนธรรมมาราม สมุทรปราการ คุรุสาสมาธิ รุ่นที่ ๒ (พระเวทย์) หลักสูตร ๕๐ วัน (๒๒ มีนาคม – ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘)
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 จนถึงปัจจุบัน(2567)
ได้เป็นอาจารย์สอนกรรมฐานที่ศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนาวัดพระธาตุราษฎร์บำรุง พ.ศ. 2551 ได้จัดตั้งสำนักปฏิบัติธรรมและเป็นเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดหนองคาย แห่งที่ 8 มีประชาชน คณะครู นักเรียน นักศึกษา โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร โรงเรียนธนากรสงเคราะห์ โรงเรียนหลวงพ่อดำวิทยา วิทยาลัยอาชีวศึกษาหนองคาย วิทยาลัยเทคนิหนองคาย มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย ฯลฯ มารับการอบรมปฏิบัติธรรมเป็นประจำ